ความเสี่ยงของกองทุนรวม
แม้ว่าการลงทุนผ่านกองทุนรวมจะมีผู้เชี่ยวชาญมาบริหารจัดการลงทุนให้ แต่กองทุนรวมก็จะมีความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นอยู่กับทรัพย์สินของกองทุนรวมไปลงทุน ซึ่งจะเสี่ยงมากเสี่ยงน้อยก็แตกต่างกันไปตามนโยบายของแต่ละกองทุนรวม ยิ่งการลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูง ก็ย่อยมีความเสี่ยงสูง
เช่น กองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้นซึ่งมีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูง ย่อมมีความเสี่ยงสูงกว่ากองทุนรวมที่ลงทุนในตราสารหนี้ หรือกองทุนรวมที่ลงทุนในหุ้นกู้ภาคเอกชน ก็ย่อมมีความเสี่ยงสูงกว่ากองทุนรวมที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ดังนั้น สิ่งที่ผู้ลงทุนควรทำคือเข้าใจความเสี่ยงต่างๆ เหล่านั้นและพิจารณาว่ารับได้มากน้อยเพียงใด เราลองมาดูกันว่าความเสี่ยงที่ว่านั้นมีอะไรบ้าง
ความเสี่ยงทั่วๆ ไปของกองทุนรวม
เมื่อมีปัจจัยบวกหรือลบมากระทบ ทำให้ราคาหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินที่กองทุนรวมเข้าไปลงทุนมีการเปลี่ยนแปลง ก็จะส่งผลให้มูลค่า NAV ของกองทุนรวมนั้นเปลี่ยนแปลงขึ้นลงตามไปด้วย ความเสี่ยงทั่วๆ ไป ที่เกี่ยวเนื่องกับการลงทุนในกองทุนรวม ได้แก่
- 1. ความเสี่ยงจากการผันผวนของอัตราดอกเบี้ย (interest rate risk) เช่น อัตราดอกเบี้ยในท้องตลาดเปลี่ยนแปลงขึ้นลงจนส่งผลให้ราคาของตราสารหนี้ที่กองทุนรวมเข้าไปลงทุนเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลง ในทิศทางตรงข้ามกับทิศทางของอัตราดอกเบี้ย
- 2. ความเสี่ยงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของภาวะตลาดโดยรวม (market risk) เช่น ภาวะเศรษฐกิจในประเทศซบเซา อาจส่งผลให้ราคาของหลักทรัพย์ต่างๆ ที่กองทุนรวมไปลงทุนอยู่มีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงลดลง
- 3. ความเสี่ยงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง (political risk) เช่น เกิดการปฏิวัติ เปลี่ยนแปลงการปกครอง อาจทำให้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการบริหารประเทศและการลงทุนได้ ซึ่งจะกระทบบริษัทที่ประกอบธุรกิจ หรือในกรณีที่การเมืองไม่มีความแน่นอน อาจส่งผลให้ภาวะตลาดชะลอตัว ส่งผลให้ราคาของหลักทรัพย์ในตลาดลดลงหรือชะลอตัวได้
- 4. ความเสี่ยงจากการดำเนินธุรกิจของบริษัทที่กองทุนรวมไปลงทุน (company risk) เช่น บริษัทบริหารงานผิดพลาดจนทำให้ผลการดำเนินงานขาดทุน
- 5. ความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ (credit risk)เช่น บริษัทที่ออกตราสารหนี้ซึ่งกองทุนรวมเข้าไปลงทุนมีผลการดำเนินงานย่ำแย่จนไม่สามารถจ่ายคืนเงินต้นและดอกเบี้ยให้กับกองทุนรวมตามเวลาที่กำหนดได้
- 6. ความเสี่ยงจากการขาดสภาพคล่อง (liquidity risk) เช่น หลักทรัพย์ที่ลงทุนไว้มีการซื้อขายเปลี่ยนมือไม่มาก อาจทำให้ไม่สามารถซื้อขายหลักทรัพย์ได้ในราคาหรือจำนวนที่ต้องการภายในช่วงเวลาอันเหมาะสม
ความเสี่ยงหลักๆ ของกองทุนรวม
ทีนี้ลองมาดูความเสี่ยงหลักๆ ของกองทุนรวมแต่ละประเภทพอให้เห็นภาพกัน เช่น
- กองทุนรวมตราสารหนี้ : จะมีความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ เช่น บริษัทซึ่งออกตราสารหนี้ที่กองทุนรวมนำเงินไปลงทุนฐานะทางการเงินไม่ค่อยมั่นคง ก็อาจมีผลต่อความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ยและคืนเงินต้นให้กับกองทุนรวมได้ หรือความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง เช่น ตราสารหนี้ที่กองทุนรวมลงทุน ซื้อง่ายขายคล่องมากน้อยเพียงใด
- กองทุนรวมหุ้น : จะมีความเสี่ยงจากการดำเนินธุรกิจของบริษัทที่กองทุนรวมนำเงินไปลงทุน เช่น หากเป็นธุรกิจที่เน้นการส่งออกแล้วเกิดปัญหาอัตราแลกเปลี่ยนผันผวน อาจส่งผลต่อกำไรของบริษัท นอกจากนี้ ก็มีความเสี่ยงจากความผันผวนของภาวะตลาดที่อาจส่งผลในทางลบต่อธุรกิจ รวมทั้งราคาหุ้นของบริษัทที่กองทุนรวมเข้าไปลงทุน
- กองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ : นอกจากความเสี่ยงตามประเภทของสินค้าการเงินที่ไปลงทุน ยังมีความเสี่ยงเพิ่มเติมจากอัตราแลกเปลี่ยน ความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศที่ไปลงทุน รวมทั้งความเสี่ยงเกี่ยวกับการฟ้องร้อง และบังคับใช้กฎหมายในกรณีที่บริษัทที่กองทุนรวมไปลงทุนมีปัญหาด้วย
โดยปกติแล้วข้อมูลความเสี่ยงของกองทุนรวมทุกกองจะระบุไว้ในหนังสือชี้ชวนเสนอขายหน่วยลงทุน ก่อนตัดสินใจลงทุนอย่าลืมศึกษาข้อมูลส่วนนี้ให้ดีด้วย
นโยบายการลงทุนที่แตกต่างกันของแต่ละกองทุนรวมก็ทำให้เกิดความเสี่ยงมากน้อยแตกต่างกัน โดยตัวอย่างประเภท กองทุนรวมตามความเสี่ยงแต่ละระดับ มีดังนี้
กองทุนรวมที่มีความเสี่ยงต่ำมาก
- กองทุนรวมตลาดเงิน มีนโยบายการลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีอายุคงเหลือของตราสารไม่เกิน 1 ปี โดยอายุเฉลี่ยของตราสารหนี้ในกองทุนรวมไม่เกิน 3 เดือน และโดยส่วนใหญ่กองทุนรวมประเภทนี้มักจะมีสภาพคล่องสูง ผู้ลงทุนสามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการ
- กองทุนรวมคุ้มครองเงินต้น เป็นกองทุนรวมที่ บลจ.วางแผนการลงทุนเพื่อให้ความคุ้มครองเงินลงทุนของผู้ถือหน่วยลงทุน(ไม่รวมถึงค่าธรรมเนียมการซื้อหน่วยลงทุน) โดยเลือกใช้กลยุทธ์การลงทุนในตราสารที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น ตราสารภาครัฐไทยและต่างประเทศ เงินฝาก บัตรเงินฝาก (certificate of deposit: CD) เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อพยายามทำให้โอกาสสูญเสียเงินลงทุนเริ่มแรกของผู้ลงทุนมีน้อยที่สุด
- กองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้น (Short term bond fund) มีนโยบายเน้นการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นเป็นหลัก โดยกำหนดกรอบการลงทุนไว้ว่าอายุตราสารหนี้ในพอร์ต (portfolio duration) ของกองทุนรวมต้องไม่เกิน 1 ปี ซึ่งโดยทั่วไปแล้วมูลค่าหน่วยลงทุนของกองทุนรวมตราสารหนี้ระยะสั้นจะไม่ผันผวนมากเนื่องจากเป็นการลงทุนในระยะสั้น
- กองทุนรวมพันธบัตรรัฐบาล มีนโยบายการลงทุนในตราสารหนี้โดยเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล (80% ของ NAV)
กองทุนรวมที่มีความเสี่ยงต่ำ
- กองทุนรวมตราสารหนี้ทั่วไป มีนโยบายการลงทุนในตราสารหนี้ทั่วไป เช่น หุ้นกู้ภาคเอกชน ทั้งนี้ รวมถึงกองทุนที่ลงทุนในตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง เช่น หุ้นกู้อนุพันธ์ (structured note) ที่คุ้มครองเงินต้นด้วย
กองทุนรวมที่มีความเสี่ยงปานกลาง
- กองทุนรวมผสม ลงทุนได้ทั้งในตราสารทุนและตราสารหนี้ โดยบางกองอาจเน้นลงทุนในตราสารหนี้ หรือบางกองอาจเน้นลงทุนในตราสารทุนมากกว่าก็ได้
กองทุนรวมที่มีความเสี่ยงสูง
- กองทุนรวมหุ้นหรือกองทุนรวมตราสารทุน มีนโยบายลงทุนในตราสารทุนเป็นหลัก ? 65% ของ NAV ทั้งนี้ กองทุนรวมตราสารทุนที่มีนโยบายการลงทุนแบบเน้นสร้างผลตอบแทนเป็นไปในทิศทางเดียวกับดัชนีอ้างอิงหรือใช้กลยุทธ์การลงทุนเชิงอนุรักษ์ (passive) เช่น กองทุนรวมดัชนีราคาหุ้น กองทุนรวม ETF หุ้น จะมีความเสี่ยงต่ำกว่ากองทุนรวมตราสารทุนที่มีนโยบายการลงทุนที่เน้นสร้างผลตอบแทนให้สูงกว่าดัชนีอ้างอิง (active)
- กองทุนรวมหุ้นของบริษัทที่มีธุรกิจหลักประเภทเดียวกัน หรือ กองทุนรวมตราสารทุนแบบ sector fund มีนโยบายลงทุนในตราสารทุนของบริษัทที่มีธุรกิจหลักประเภทเดียวกัน เช่น ในธุรกิจด้านพลังงาน ฯลฯ หรือตราสารทุน ในประเทศหรือกลุ่มประเทศใดประเทศหนึ่ง ? 80% ของ NAV
กองทุนรวมที่มีความเสี่ยงสูงมาก
- กองทุนรวมที่มีนโยบายลงทุนที่ซับซ้อน มีการลงทุนในทรัพย์สินที่ซับซ้อน ทำความเข้าใจได้ยาก เช่น กองทุนรวมสินค้าโภคภัณฑ์ กองทุนรวมทองคำ กองทุนรวมน้ำมัน (commodity fund/ gold fund/ oil fund) สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (โดยที่ไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันความเสี่ยงหรือ hedging) เป็นต้น
สำหรับกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ หรือ foreign investment fund (FIF) ระดับความเสี่ยงของกองทุนรวมจะแตกต่างไปจากกองทุนรวมที่ลงทุนในประเทศ เนื่องจากมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งถือว่าเป็นตัวแปรสำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนจะได้รับจากการแปลงเงินบาทเป็นเงินสกุลอื่นเมื่อนำเงินไปลงทุนและแปลงกลับมาเป็นเงินบาทเมื่อนำผลตอบแทนมาคืนให้ผู้ลงทุน โดยหากเป็นกองทุนรวม FIF ที่ไม่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน(hedging) หรือป้องกันไว้เพียงแค่บางส่วน ระดับความเสี่ยงของกองทุนรวมจะอยู่ในระดับสูง-สูงมาก ตัวอย่างเช่น กองทุนรวม FIF ที่มีนโยบายลงทุนในตราสารที่มีความเสี่ยงต่ำมาก เช่น พันธบัตรรัฐบาลต่างประเทศ แต่ไม่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไว้เลยจะถือว่าเป็นกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงสูง หรือหากเป็นกองทุนรวม FIF ที่มีนโยบายลงทุนในกองทุนรวม ETF หุ้น แต่ไม่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเลย ก็จะถือว่าเป็นกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงสูงมาก เป็นต้น อย่างไรก็ดี หากเป็นกองทุนรวม FIF ที่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนไว้ทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมด (hedging 90% ของเงินลงทุน) ระดับความเสี่ยงของกองทุนรวมจะอยู่ในระดับต่ำ-สูง โดยขึ้นอยู่กับหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินที่กองทุนรวม FIF เลือกลงทุน
ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หัวข้อ “รู้จักกองทุนรวมตามลักษณะเด่น”
แหล่งที่มา www.start-to-invest.com
ระดับความเสี่ยงของการลงทุนในกองทุนประเภทต่างๆ
Risk Profile | ระดับความเสี่ยง | ประเภท | ประเภทหลักทรัพย์ที่ลงทุนเป็นหลัก |
เสี่ยงต่ำมาก | 1 | กองทุนรวมตลาดเงินที่ลงทุนเฉพาะตลาดเงินในประเทศ | กองทุนรวมตลาดเงิน (Money Market Fund) โดยจะลงทุนเฉพาะพันธบัตรรัฐบาล ตั๋วเงินคลัง หรือตราสารทางการเงินในประเทศ ที่มีอายุสั้นไม่เกิน 1 ปี เป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำที่สุด และมีโอกาสผิดนัดชำระหนี้น้อย |
2 | กองทุนรวมตลาดเงินที่ลงทุนในต่างประเทศบางส่วน | กองทุนแบบ Money Market แต่สามารถนำเงินบางส่วนไปลงทุนในพันธบัตรต่างประเทศได้ ทำให้มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น แต่เนื่องจากยังคงเน้นลงทุนในตราสารระยะสั้น ทำให้มีความเสี่ยงในระดับที่ต่ำ | |
3 | กองทุนรวมพันธบัตรรัฐบาล | กองทุนที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งแม้ว่าจะดูเหมือนมีความเสี่ยงที่ต่ำ แต่พันธบัตรมีช่วงอายุหลากหลาย และกองทุนสามารถเลือกลงทุนในพันธบัตร หรือตราสารที่มีอายุมากกว่า 1 ปีได้ ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจึงเป็นเรื่องของ Maturity Risk | |
เสี่ยงต่ำ | 4 | กองทุนรวมตราสารหนี้ | จะเป็นกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ โดยไม่มีข้อจำกัดว่าต้องเป็นตราสารหนี้แบบไหน สามารถลงทุนได้ในหุ้นกู้รัฐวิสาหกิจ และหุ้นกู้เอกชน ซึ่งความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น มิใช่เพียงเรื่อง Maturity Risk เท่านั้น แต่ยังมีเรื่องของ Credit Rating หรือการจัดอันดับความน่าเชื่อถือเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย นักลงทุนที่ทำแบบทดสอบแล้วได้คะแนนในช่วง 4 ระดับแรก ถือว่าเป็นผู้ที่รับความเสี่ยงได้น้อย ดังนั้นประเภทของตราสารที่จำแนกไว้ใน 4 ระดับแรก จึงยังคงเป็นกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ทั้งหมด ซึ่งแน่นอนว่าความเสี่ยงที่ต่ำ ก็มักจะมาพร้อมกับโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่ไม่สูงมากนักด้วยเช่นกัน ดังนั้น กองทุนตราสารหนี้ จึงเหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อย หรือคนในวัยเกษียณ เนื่องจากไม่มีรายได้หลัก และต้องการลงทุนแบบคุ้มครองเงินต้น |
เสี่ยงปานกลาง | 5 | กองทุนรวมผสม | เป็นกองทุนรวมแบบผสม ระหว่างตราสารหนี้และตราสารทุน หรือ Balance Fund มีความเสี่ยงมากขึ้น ซึ่งจะเหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ระดับปานกลาง |
6 | กองทุนรวมตราสารแห่งทุน | เป็นกองทุนรวมหุ้น ซึ่งมีความเสี่ยงใกล้เคียงกับการลงทุนในหุ้นโดยตรง ซึ่งเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงในระดับที่สูง | |
เสี่ยงสูง | 7 | กองทุนรวมหมวดอุตสาหกรรม | จะเป็นกองทุนรวมในหุ้นโดยลงทุนเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรม หรือ Sector Fund เช่น ลงทุนเฉพาะ Sector พลังงานหรือธนาคารพาณิชย์ ซึ่งเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงสูงกว่ากองทุนหุ้นทั่วไป เนื่องจากเป็นกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนเฉพาะใน Sector ที่กำหนดเอาไว้เท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น กองทุนที่ลงทุนหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยในปีที่ผ่านมา แม้ว่าดัชนีหุ้นไทยตลาดจะเพิ่มขึ้นราว 35% และกองทุนหุ้นทำผลตอบแทนเฉลี่ยได้ราว 40%แต่ผลตอบแทนของหุ้นกลุ่มพลังงานกลับทำได้เพียง 8-9% เท่านั้น ดังนั้นนักลงทุนที่จะเลือกลงทุนในกองทุนแบบ Sector Fund จึงควรมีความรู้ความเข้าใจให้สอดคล้องกับระดับความเสี่ยงด้วย |
เสี่ยงสูงมาก | 8 | กองทุนรวมที่ลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก | กองทุนรวมที่ลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก (Alternative Investment) เช่น ทองคำ น้ำมัน หรือสินทรัพย์เสี่ยงที่มีความซับซ้อนมากขึ้น |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น